11/25/2009

ทะเลหมอก...หลอกให้รัก



เป็นทริปที่ต้องบรรยายเป็นภาษาไทยถึงจะได้อรรถรส โหด มันส์ ฮา (ขอบวกทรหดเข้าไปอีกหนึ่งข้่อ) เมื่อคุณนายแม่ลูก ต้องไปทริปแบบนอนเต๊นท์ แต่ความยากลำบากมันไม่ได้อยู่ที่การนอนเต๊นท์ มันอยู่ที่การเดินทางแบบออกจากกรุงเทพสี่ทุ่มครึ่ง กว่าจะไปถึงที่กางเต๊นท์ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานก็ปาเข้าไป ตีหนึ่งครึ่ง ง่วงโคตรๆ จนไม่สามารถที่จะดื่มด่ำกับแสงดาวที่มีให้เห็นเต็มฟากฟ้าทีเดียว (ก็ยังแอบเห็นนะ) ไปถึงก็รีบกางเต๊นท์ รีบนอน ข้าวของ กระเป๋าไม่มีการขนลง เพราะต้องออกแต่เช้ามืด ไม่มีซะล่ะที่จะมีใครมากังวลเรื่องการอาบน้ำแปรงฟัน น่าจะมีแค่คุณนายสองแม่ลูกเท่านั้นแหละที่ฝ่าความมืดเดินไปแปรงฟันกันจนได้... 


หลับไปได้หน่อยเดียว (เพราะส่วนใหญ่นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายซะส่วนใหญ่) ก็ถูกหัวหน้าทีมเดินมาปลุกที่เต๊นท์ ไอ้เราก็เอ...ตั้งนาฬิกาปลุก 6โมงเช้าตามที่หัวหน้าทีมสั่ง ไหงมันไม่ปลุก...ก็มันเพิ่งจะตีห้า สี่สิบนาที มองออกไปจากเต๊นท์ทุกคนเค๊าไม่ใช่แค่ตื่นแล้วอย่างเดียว เค๊าเก็บข้าวของเรียบร้อย เรียกว่าพร้อมใส่เกียร์เดินหน้าออกเดินทางได้แล้ว.... ว่าแล้วสามคนพ่อแม่ลูกก็รีบตะบี้ตะบันตื่น ช่วยกันเก็บเต๊นท์เอาขึ้นรถเพื่อไม่ให้คนอื่นต้องรอกันไปนานกว่านี้ ... แค่เล่ายังเหนื่อยเลย...


"ทะเลหมอก หลอกให้รัก"


จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ยอดเขาพะเนินทุ่ง เพื่อต้องไปต่อคิวขึ้นให้ทันเวลาที่ทางอุทยาืนกำหนด จากจุดตรงที่กางเต๊นท์ของอุทยานก็ประมาณ 20 นาทีถึงครึ่งชั่วโมง ก็มาสู่ยอดเขาพะเนินทุ่ง พลอยได้หลับอีกตื่นนึง พอมาถึงถึงได้พอจะมีอารมณ์มาชมทะเลหมอกยามเช้า... หลังจากจอดรถ ก็เดินขึ้นจุดชมวิวเพื่อไปชมทะเลหมอกนี่แหละ...ก็สวยดี ดูฝันๆ แดดจัดมาก อากาศเย็นๆก็มลายหายไปพร้อมกับแสงตะวันที่สาดแสงแรงกล้าจนตาจะบอด... มันคงจะสร้างอารมณ์เคลิ้มฝันกว่านี้ถ้าอากาศมันเย็นๆ ชิวๆ และเพื่อนร่วมชมทะเลหมอกจะไม่ได้มากมายมหาศาลแบบนี้ !!!!


ดูเสร็จ (ใช้เวลาประมาณ 15 นาที บนจุดชมวิว) ก็ลงมา เตรียมหาที่พักกางเต๊นท์ ตอนนี้ก็เพิ่งจะประมาณ แปดโมงครึ่ง จัดการกางเต๊นท์เสร็จสรรพก็เริ่มทยอยกันอาบน้ำ ถึงตอนนี้เหงื่อก็ชโลมกายจนการอาบน้ำเย็นๆไม่ทำให้สะท้านได้เลย..  จากนั้นสมัครพรรคพวกก็เริ่มทำกับข้าวกินกัน เมนูหรูทีเีดียว มีการทำเกี๊ยวห่อใข่ (นกกะทา)... อากาศก็ร้อนขึ้น ร้อนขึ้น จนทำอะไรไม่ได้ จะไปนอนในเต๊นท์ก็ไม่ได้เพราะจะสุกเอา ก็เลยได้แต่นั่งทำกับข้าวกินกัน ดื่มกันตั้งแต่ตอนนนั้น....จนมื้อเย็น... เพราะมันไม่มีทีไปไหนเลย ตอนนี้แหละที่ทรมานที่สุด...


ว่างจนต้องกินกันทั้งวัน

ตกบ่ายแก่ๆ...จำนวนเต๊นท์ก็เพิ่มขึ้นเรื่่อยๆ จนแทบจะไม่เหลือที่เดิน Oh my god!!! มันสวยอะไรนักหนาถึงได้แห่กันขึ้นมากันขนาดนี้... สลัมบนยอดเขาดีๆนี่เอง...


สลัมบนยอดเขา!

ตกเย็น..อากาศก็ยังไม่ได้เย็นขึ้นซักเท่าไหร่เลย มาเริ่มเย็นจริงๆจังก็ปาไปประมาณ สองสามทุ่มโน่น แต่ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำมาทั้งวัน ทำให้รู้สึกเหมือนซักห้าทุ่มมากกว่า ทั้งทีมก็นั่งกินหมูกะทะกันอยู่ในเต๊นท์กลาง อยู่ๆฝนก็เทลงมาอย่างหนัก บางเต๊นท์น้ำเข้าวุ่นวายกันไปเลย ที่แย่ไปกว่านั้นคือระหว่างฝนตกมือนึงถือตะเกียบกะแก้วเหล้า (สำหรับพวกผู้ชาย) อีกมือต้องยกชายเต๊นท์ไว้ไม่ให้น้ำฝนไหลเข้ามา ส่วนเท้าก็แช่อยู่ในน้ำเปียกๆ เย็นๆ  ก็มีตอนนี้แหละที่ทำให้รู้สึกว่้าอากาศเย็น (เป็นเพราะเท้าต้องแช่อยู่ในน้ำฝนเย็นๆ)....

หลังฝนตกพักใหญ่พวกหมู่ดวงดาวก็เพิ่งจะออกมาให้พลอยได้ยลโฉม..หลังจากที่พยายามส่องกล้องดูมาตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดิน อย่างน้อยก็ยังมีตอนนี้ให้พลอยได้มีความสุข


วันรุ่งขึ้นเราก็ขึ้นไปที่จุดชมวิวเพื่อดูทะเลหมอกอีกครั้ง โอ้โห..พระเจ้าช่วย กล้วยทอด...ผู้คนไม่รู้มาจากไหนเต็มไปหมดเลย... เราก็ถ่ายรูปไปเรื่อยตั้งแต่ทะเลหมอก มาแมงมุม ไปจนถึงไรเคนบนต้นไม้... แล้วก็ขับลงเขามา... ที่เหลือก็ไม่มีอะไรมาก...




สรุปแล้วมันเป็นทริปที่ไม่ได้มีอะไรน่าประทับใจ ออกไปทางขำๆ ฮาๆ โหดๆ แล้วก็ร้อนโคตรๆเท่านั้นเิอง...



โหด มันส์ ฮา...