1/28/2011

หนีความวุ่นวายไป "ชานทะเล"

To relax the mind is to lose it.


เป็นความประทับใจอีกครั้งหนึ่งกับการหลบหลีกความวุ่นวายในกรุงเทพฯ และความเครียดจากการทำงาน ทำให้อยากจะหนีไปให้ไกลๆ อยากขึ้นไปอยู่เงียบๆบนดอยโน่น แต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่อยากให้เจ้าตัวเล็กลาโรงเรียน ก็เลยต้องหาที่ที่ไปได้เสาร์อาทิตย์ ลอง search หาเรื่องราวท่องเที่ยวเป็นแรงบันดาลใจในเว็บ 1081009 ตอนแรกก็ลองดูๆพวกเกาะช้าง เกาะกูด แต่ก็ติดที่ต้องข้ามเรือไป-กลับ สองวันอาจไม่พอ เลยลองดูทะเลอื่นๆในจังหวัดตราด หาไปหามามาก็เลยมาเจอสวรรค์บนดินอีกแห่งเข้าจนได้เลย เป็นรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ชื่อว่า Centara Chaan Talay Resort & Villas (แหมยาว..ขอเรียกสั้นๆว่า "ชานทะเล" ก็แล้วกัน เพราะรู้สึกว่ามันโรแมนติกดี) อยู่ไม่ไกล ใกล้เกาะช้าง แต่อยู่บนฝั่ง main land ของจังหวัดตราดนี่เอง ไม่ต้องข้ามเรือเหมือนไปเกาะช้าง ก็เลยคุยกับฝาละมีว่ามันน่าสนใจดีนะ ดูในรูปก็ดูสวยดี ดูสะอาด สงบ และทีสำคัญมีชายหาดที่มีทรายขาว ทะเลก็ดูน่าจะเล่นได้ ซึ่งไม่เหมือนรีสอร์ทหลายๆที่ที่ไปมา ที่ไม่ค่อยมีหาดทรายให้เด็กเล่น หรือไม่ทะเลก็เล่นไม่ได้ ก็เลยมองเหน้ากันแล้วก็...เอาวะ ลองดูแค่ตราดเอง ก็เลยเป็นที่มาของทริป "หนีความวุ่นวายไป "ชานทะเล"....


ออกจากกรุงเทพฯช่วงเช้ามุ่งหน้าสู่จังหวัดตราด และทานข้าวที่ ร้านพิกุลโภชนา อยู่ในเขตอำเภอขลุง จันทบุรี ถามๆเค๊ามาคนเค๊าแนะนำร้านนี้ เป็นร้านยอดฮิต (อิอิ เรื่องกินก็ต้องแอบทำการบ้านไปล่วงหน้่า..) ของเค๊าก็อร่อยจริงๆ เราสามคนซัดเรียบทั้งปู ทั้งปลา ทั้งกุ้ง ทั้งปลาหมึก ตบท้ายด้วยไอติม อิ่มแปร้จนแทบจะขับต่อไปไม่ไหว..

จากร้านออกมาก็เข้าจังหวัดตราด วิ่งต่อไปอีกประมาณเกือบชั่วโมงก็มาถึง เกือบเลยทางเข้า ป้ายเล็กไปนิ๊ด แต่ก็พอเบรคทัน เข้ามาจอดรถเสร็จปุ๊บ รถกอล์ฟมาเที่ยบปั๊บ ขนกระเป๋าที่มีอยู่ใบเดียว (แต่มีของเล่นอย่างอื่นอีกมากมาย) เข้าไปถึงตรงล็อบบี้ก็ check-in คุณแหม่ม เจ้าหน้าที่ต้อนรับก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดี แนะนำทุกอย่าง ก็เลยได้รู้ว่าโอ้โห รีสอร์ทเงียบๆเนี๊ยะ มีกิจกรรมให้ทำเยอะเหมือนกัน มีทั้งจักรยานให้ขี่เล่นทั้งในรีสอร์ท และออกไปด้านนอก จะจ้างไกด์ไปด้วยก็ได้ มีเรือคายัคให้พายเล่นฟรี มีกิจกรรมให้เด็กๆไ้ด้ทำ (มีเพนท์เสื้อ และทำเที่ยนเจล)ที่สำคัญ...มีเมนูสปาให้เลือกหลายแบบทีเดียว ราคาก็ไม่ได้แพงโอเวอร์...(อันนี้ส่วนตัวคุณแม่ผู้รักการนวดและสปาเป็นชีวิตจิตใจ) หลังจาก check-in รถกอล์ฟคันเดิมก็พาเราไปยังห้องพัก เปิดประตู เปิดแอร์ให้เสร็จสรรพ แล้วก็ทิ้งให้เรา "switch off" ได้อย่างเต็มที่ และเป็นส่วนตัว













แทบจะทันทีที่น้องพนักงานที่พาเรามาส่งหันหลังกลับไป เจ้าพลอยก็คว้าถุงเครื่องมือก่อสร้าง (ปราสาททราย) มายืนรอที่น่าประตู พร้อมใส่เกียร์วิ่ง จนเราสองคนเริ่มสงสัยว่าเอ...จะได้พักผ่อนจริงไหมหว่า??? แต่ก็ปรับความคิดให้บวกได้ทันท่วงที คุณแม่ตัวดีก็เลยคว้ากล้องสะพายคอ จูงมือเจ้าพลอยวิ่งออกไปรับแสงแดดตอนบ่ายที่หาดทรายกัน..



เดินลงไปที่หาดทรายปล่อยช่างก่อสร้างให้เล่นทราย แล้วก็เลยได้เดินสำรวจด้านหน้าของรีสอร์ท... โอ้แม่เจ้าไม่น่าเชื่อว่าในจังหวัดตราด (ที่ไม่ใช่เกาะช้าง เกาะกูด) จะมีชายหาดกว้างและทะเลน่าเล่นแบบนี้ ที่สำคัญด้านข้างๆก็ไม่มีรีสอร์ทอื่นอีกเลยทั้งซ้ายและขวาเพราะฉะนั้นเป็นหาดที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก เหมาะกับการหนีความวุ่นวายมาจริงๆ รวมทั้งตัวรีสอร์ทเองก็ไม่ได้ใหญ่มาก รู้สึกว่าจะมีแค่ 40 กว่าห้องเท่านั้น ชอบจริงๆที่มันไม่วุ่นวาย ไม่พลุกพล่านแล้วก็ไม่เสียงดัง ด้านหน้าชายหาดของรีสอร์ทเป็นห้องพักแบบ beach front น่าอิจฉาสุดๆเลย มีอ่าง Jacuzzi อยู่หน้าห้องพัก มองออกไปเห็นทะเลเลย อิจฉาๆๆๆๆๆ

Beach Front Villa น่าอิจฉาที่สุด (ไม่มีแขกพักเลยเข้ามาถ่ายได้แบบใกล้ชิด)
สระน้ำสวยดี


เสน่ห์อีกอย่างน่าจะเป็นต้นสนที่อยู่รายล้อมรอบๆหาดและตัวรีสอร์ท ดูธรรมชาติสวยดี แอบมีความโรแมนติกนิดๆ แค่นี้ก็ fin แล้ว.....  สักพักใหญ่พอเริ่มร้อน ก็กลับเข้าห้องพัก ชิวๆ ดูหนังเล่น..พอแดดร่มลมตกเจ้าพลอยก็เตรียมเปลี่ยนชุดว่ายน้ำไปลงสระ คราวนี้เป็นหน้าที่คุณพ่อที่จะไปลงด้วย สระเค๊ามีแบ่งเป็นส่วนสระเด็กด้วย ทำให้คุณพ่อได้ว่ายน้ำออกกำลังเล่น ไม่ต้องลงไปยืนเฝ้าพลอยเหมือนสระอื่นๆ ส่วนแม่นะเหรอ..เหอะๆ ก็นั่งจิบ Maliblue แก้วนี้ไปชิวๆ ขอบอกว่ามันเป็น moment แห่งความสุขจริงๆ ตอนที่นอนอยู่ริมสระแล้วหนังสือนิยายเล่มใหม่ และมี Maliblue แก้วโปรดอยู่ข้างๆ มีลมโชยปะทะหน้าเป็นระยะๆ โอย..แค่คิดถึงก็อยากวิ่งกลับไป "ชานทะเล" อีกแล้ว

ซักประมาณห้าโมงครึ่ง เราก็เริ่มเห็นแสงส้มของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับฟ้า สวยจริงๆ ตอนเข้ามาคุณแหม่ม (เจ้าหน้าที่รีสอร์ท) ก็แอบเกริ่นไว้แล้วว่าที่พระอาทิตย์ตกสวยมากๆ เราก็ฟังๆไว้ ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเองถึงกับตะลึงจริงๆ พระอาทิตย์ดวงกลมโต ลอยอยู่ใกล้เหมือนมือจะเอื้อมได้ถึง ส่องแสงสีแดงส้มสะท้อนกับน้ำทะเล ที่ว่า fin ไปแล้วตอนบ่าย เทียบไม่ได้กับ moment ตอนนี้เลย สวยจนอยากให้คุณสามีขอแต่งงานอีกครั้งท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดงแบบนี้ (อยากเป็นนางเอก) โรแมนติกม๊ากกกกกกกกกกกกกกก รูปน่าจะพูดได้ดีกว่า




ใกล้แค่เพียงมือเอื้อม





แอบถ่ายรูปคู่รักคู่นี้มา เผอิญเค๊ามาอยู่ในตำแหน่งที่มันสวยพอดีเลย โรแมนติกสุดๆ เห็นแล้วอยากย้อนเวลากลับไปสวีทแบบนี้บ้างอ่ะ

Happy moment @sunset scene

พอหายตื่นแต้นกับฉาก sunset ตรงหน้า น้ำย่อยก็ออกฤทธิ์ทันที ก็เลยเดินขบวนตรงเข้าไปที่ร้านอาหารของรีสอร์ท ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะเป็นการดินเนอร์ใต้แสงเทียน ทำให้ถ่ายลำบาก (จริงๆคือหิวจนลืมถ่ายรูป) อาหารก็อร่อยดี ยำผลไม้ชานทะเลก็อร่อยมาก ถั่วทอดสมุนไพรที่คุณฝาละมีสั่งมาแกล้มกับเบียร์ก็อร่อย เจ้าพลอยสั่งพิซซ่ามาก็โอเค แป้งไม่เหมือนแป้งพิซซ่าทั่วไป ออกเป็นแนวแป้งขนมปังมากกว่า แปลกแต่ก็รสชาติใช้ได้ สำหรับคนที่ต้องการพักผ่อน ขี้เกียจขับรถออกไปหาอะไรทาน อาหารที่นี่ก็ไม่เลวที่เดียว (ราคาก็ทั่วไป แพงกว่าร้านอาหารธรรมดา แต่ก็ไม่ต่างจากอาหารตามรีสอร์ทอื่นๆ)

เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าพลอยตื่นมาก็แทบจะวิ่งลงไปหาดทรายอีกรอบ จับอาบน้ำแทบไม่ทัน ต้องยอมรับว่าหาดทรายดีจริงๆ สะอาด ยังมีปูลม (ที่ตัวใหญ่มาก) วิ่งให้เห็นอยู่เลย ตอนไปเที่ยวเกาะช้าง หาดทรายยังไม่เท่านี้เลย ก็เลยเป็นหน้าที่คุณฝาละมีเอาพลอยไปเล่นหาดทราย (คุณแม่น่ะ นอนเอือกอยู่ในห้องนั่นแหละ แหมก็อ่านหนังสือกำลังสนุกกลางบรรยากาศสงบๆแบบเนี๊ย คอนิยายจะพลาดได้รึ?)  มีพักวิ่งมาทานอาหารเช้าที่มีให้เลือกเป็น American Breakfast หรือแบบไทย พวกข้าวต้ม เค๊าทำให้ใหม่เลย ไม่ใช่เป็นแบบบุบเฟ่ อิ่มแปร้กันไปอีกรอบ

พอแดดเริ่มแรง พ่อลูกก็พากันเข้าห้องพัก นอนดูหนังกันไปชิวๆ ส่วนคุณแม่...หึหึ..highlight อีกอย่างของทริปนี้ของคุณแม่ก็คือ "สปา" ค่าาาา  โหพลาดไม่ได้เลย  ลองไปเลือกดูจาก สปาเมนู แหมเลือกยาก อยากทำมันซะทุกอย่างเลย สุดท้ายก็เลือกนวดตัวเป็น แบบ Tranquility Massage เป็นการนวดน้ำมันแบบผ่อนคลาย (สุดๆ ขอบอกว่าผ่อนคลายสุดๆ) เลือกทำแบบ 90 นาทีไปเลย มาทั้งที ต้องจัดเต็ม... โห.. เป็น 90 นาทีที่ผ่อนคลายสุดๆ จริงๆอยากลอง สปาอีกแบบนึงที่เป็น signature ของ "ชานทะเล" เลย ใช้มะละกอด้วย ไว้เดี๋ยวคราวหน้าไปใหม่จะไปลองสปาเมนูนี้ดู




นวดเสร็จ ก็เกือบเที่ยง ก็เลยเก็บของ และเนื่องจากขี้เกียจแวะตามทางขากลับเราก็เลยตัดสินใจทานข้าวกลางวันก่อนออกไปซะให้เสร็จสิ้นเรื่อง เพื่อที่จะได้ยิงยาวถึงกรุงเทพฯไม่เย็นมาก สั่งอาหารแบบไม่ต้องเปลืองเซลล์สมอง ไก่ทอดสำหรับลูก หมูกระเพราไข่ดาวสำหรับพ่อและแม่ กลายเป็นว่า กระเพราอร่อยมาก เป็น surprise สุดท้ายก่อนกลับซะนี่...

กลับมาแล้วก็ยังรู้สึกประทับใจ เพราะในที่สุดความฝันที่จะได้นอนอ่านนิยายใกล้ๆทะเลแบบไม่มีใครมากวน (ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม) ก็เป็นจริงซะที.. เป็นการตัดสินใจเลือกรีสอร์ทได้ถูกต้องที่ซู๊ด.. ชานทะเล ชื่อก็เพราะ แถมโรแมนติก ดีใจที่ไม่ได้ใช้พลังมวลชนในการเลือก (ไม่งั้นก็คงไม่พ้นไปเกาะช้าง แหงมเลย)  บอกได้เลยว่่าทริปชานทะเลคราวนี้ fin อย่างแท้จริง!

The best moment